จากกรณีมีผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ Max Udomsak ได้โพสต์เผยแพร่เรื่องราว ในวันที่ออกไปซื้อโจ๊ก แถวซอยหมอเหล๊ง ดินแดง จนได้พบคุณลุงคนหนึ่งตามองไม่ค่อยเห็น สุขภาพก็ไม่ดี นั่งขายอยู่ในมุมมืดใช้ถุงพาสติกคลุมเพื่อบังฝน พร้อมข้อความระบุว่า… “โจ๊กหมูใส่ไข่ 25 บาท ไม่ใส่ 20 บาทอร่อยครับ ราคานี้ถือว่าอร่อยครับไม่แพงแถมให้เยอะ ยังไงช่วยมาอุดหนุนลุงหน่อยนะครับ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันลุงอายุ 78 ปี ลุงเป็นคนน่าสงสารมากครับ ตามองไม่ค่อยเห็น สุขภาพก็ไม่ดีแต่ลุงสู้ครับ”“วันไหนฝนตกลุงแกก็จะเอาถุงพาสติกคุมแล้วลุงก็จะไปหลบฝนหน้าเซเว่น ที่อยู่แกก็ไม่มีอาศัยบ้านที่ไฟไหม้แล้วเจ้าของยังไม่ซ่อมแซมอาศัยหลบฝนไว้หลับนอน อาศัยน้ำบ้านข้างๆไว้อาบไว้กิน แล้วเจ้าของบ้านก็จะไล่แกแล้วเนื่องจากเจ้าของบ้านจะเอาที่คืน แล้วลุงจะไปอยู่ไหนตังแกก็ไม่ค่อยจะมี วันๆขายหมดได้กำไล 2-3 ร้อยบาทต่อวัน” “วันนึงเขาจะขายได้สักกี่ถ้วยกันเชียว มีวันนึงผมไปซื้อลุงบอก ยืนขาย 3-4 ชม.ได้แค่ถ้วยเดียว เมื่อวานผมไปอุดหนุนแก แกเล่าให้ฟังว่าแกมีลูก 2 คนแต่ไม่อยู่แล้วแกอยู่ คนเดียวบนโลกที่ไม่เหลือใครแต่แกก็สู้ ไม่ยอมแพ้ แกอยากไปอยู่บ้านพักคนชราแต่ก็ไม่มี ใครเอาแกไปแกบอกมีคนมาดูแกแล้วแต่ก็ไม่มีใครเช้ามาช่วยเหลือ ยังไงใครผ่านไปผ่านมาแถวซ.หมอเหลง ก็แวะอุดหนุนแกหน่อยนะครับ ช่วยอุดหนุนแกด้วยนะครับ บางวันแกมาตั้งขายตั้งแต่ตี 3 ยันสายๆนะครับ ยังไงแวะอุดหนุนแกหน่อยนะครับ”
โดยในเวลาต่อมานั้น เฟซบุ๊ก เงินบริจาคให้เด็กตกตึกไปไหน ได้โพสต์แชร์เรื่องนี้ กล่าวว่า สถานการณ์ของลุงขายโจ๊กนั้นน่าเป็นห่วง และแกควรได้รับการช่วยเหลือ แต่อย่างไรก็ตาม จากข่าวนี้ก็ได้มีข้อสงสัยหลายประการเกิดขึ้น จนนำไปสู่การตั้งคำถามว่ากลุ่มวัยรุ่นช่วยเหลือลุงโดยบริสุทธิ์ใจหรือไม่ ไปจนถึงคำถามที่ว่า ลุงเป็นคนยากไร้จริง ๆ หรือเปล่า
ประเด็นน่าสงสัย แบ่งได้เป็นข้อ ๆ ดังนี้
1. ลุงเป็นคนไร้บ้าน อาศัยอยู่ย่านซอยหมอเหล็ง แต่ทำไมถึงมีการเปิดบัญชีธนาคารที่หัวหมาก ซึ่งห่างกันพอสมควร และจะรู้ได้อย่างไรว่าบัญชีธนาคารที่เปิดรับบริจาค เป็นบัญชีของลุงจริง ๆ
2. กลุ่มวัยรุ่นเปิดเผยว่าลุงมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ดังนั้นหมายความลุงน่าจะมีทะเบียนบ้าน และการมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แปลว่าลุงน่าจะกดเงินเป็น ทั้งนี้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นบัตรของธนาคารกรุงไทย แต่ทำไมลุงถึงมีบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ด้วย และลุงมีบัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ด้วยหรือไม่
4. กลุ่มที่ช่วยเหลือลุงได้เปิดรับบริจาคมาหลายวัน รวมถึงขอบริจาคเงิน 50,000 บาท เพื่อผ่าตัดตาให้กับลุง ซึ่งคาดว่าขณะนี้ยอดเงินบริจาคน่าจะเกินความต้องการไปมากโขแล้ว
5. ลุงอาจโกหกเรื่องลูก และเงินที่ได้ไปนั้น อาจทำให้ชีวิตลุงตกอยู่ในความเสี่ยง จนนำไปสู่การถูกปล้น หรือจี้ จากกลุ่มมิจฉาชีพ ตรงนี้จะช่วยเหลือ หรือป้องกันอย่างไร
สำหรับความคืบหน้ากรณีดังกล่าวนั้น วันนี้ (05 ส.ค.) ได้พบกับความจริงบางอย่างหลังที่ลุงนั้นได้อ้างว่า ลูกถูกเศรษฐีขับรถชนดับ จนเมียตรอมใจตาย ป่วยไม่มีเงินรักษา จนมีประชาชนแห่บริจาคเงิน
โดยเหมือนกับว่าคำกล่าวอ้างของคุณลุงนั้นไม่ตรงกับที่อ้าง เนื่องจากว่าในช่วงเช้ามีชายปริศนาขับรถเก๋ง พาลุงขายโจ๊กออกไปจากที่พัก
ขณะเดียวกันก็ระบุว่าวันนี้จะเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า แต่เมื่อตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวกลับไม่พบว่ามีรายชื่อของลุงขายโจ๊ก เข้ารับการรักษาแต่อย่างใด