เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2562 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์รายงานว่า ที่ วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า หมู่ 10 ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม คึกคักไปด้วย ศิษย์ยานุศิษย์ ต่างเดินทางไปทำบุญกราบสรีระสังขาร หลังทราบข่าวการละสังขาร ของพระเกจิอาจารย์ ชื่อดัง พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระ พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มาโดยตลอด จนเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ที่สำคัญยังเป็น ศิษย์สืบสายธรรมหลวงปู่สีทัตถ์ ญาณสัมปันโณ พระเกจิชื่อดังวิทยาคมเข้มขลัง แห่งวัดพระธาตุท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม พระป่าสายวิปัสสนา ที่มรณภาพตั้งแต่ปี 2510
จนกระทั่ง หลวงปู่สอ ได้สืบทอดการบำเพ็ญเพียรภาวนา รวมถึงการพัฒนาทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาต่อเนื่อง กลายเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธามาถึงปัจจุบัน และยังมีชื่อเสียง ด้านความเชื่อ เกี่ยวกับวัตถุมงคล ที่สร้างบารมี ด้านเมตตามหานิยม การค้าขาย ใครมีไว้ครอบครอง จะเจริญรุ่งเรืองตามความเชื่อ ทั้งนี้ก่อนละสังขาร ได้เจ็บป่วย ด้วยโรคชรา มาหลายปี จนกระทั่ง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม และได้ละสังขารไปอย่างสงบ
ขณะเดียวกัน หลังการละสังขาร พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพวงมาลาหลวง และน้ำหลวงสรงศพ โดยมี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานในการประกอบพิธีอัญเชิญน้ำหลวงสรงศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน ท่ามกลางความซาบซึ้งของ ศิษยานุศิษย์ รวมถึงผู้ที่เลื่อมใสศรัทธา เดินทางมาร่วมไว้อาลัย โดยทางวัดได้เปิดให้ ประชาชน ได้ร่วมกราบสักการะ และสรงน้ำ ทุกวัน และยังไม่มีกำหนดการ เกี่ยวกับการขอพระราชทานเพลิงศพ
สำหรับประวัติ พระครูปลัดสอ (หลวงปู่สอ ขันติโก) เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี อายุ 114 ปี รวม 93 พรรษา ถือเป็นพระ พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน มีนามเดิมว่า สอ แก้วดี เกิดในตระกูลชาวนา บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เมื่อวันจันทร์ ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ.2448 ปีมะเส็ง ตรงกับปลายรัชกาลที่ 5 เป็นบุตรคนโตในจำนวนพี่น้อง 6 คน เสียชีวิตหมดแล้ว โดยเมื่อแรกเกิดจากคำบอกเล่า ของญาติพี่น้องลูกหลาน มารดาหลวงปู่สอ เคยเล่าว่า บุตรชายตอนแรกเกิดมีสายรกพันคอ โบราณเชื่อว่า โตมาจะได้บวชร่ำเรียน ขณะะที่ชีวิตในวัยเด็ก พื้นฐานมีนิสัยเป็นคนเรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน นิสัยชอบเข้าวัดฟังธรรม ผิดแผกกับเด็กอื่นในวัยเดียวกัน จนกระทั่ง บิดา มารดา ได้พาไป กราบทำบุญ ฝากเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่สีทัตถ์ พระเกจิชื่อดัง ของ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ด้วยความเลื่อมในศรัทธา บวชเป็นสามเณรรับใช้ ตั้งแต่อายุ 10 กว่าขวบ กระทั่งอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบท มีหลวงปู่สีทัตถ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ อยู่รับใช้อุปัฏฐากผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ระยะหนึ่ง จึงได้ออกธุดงค์ไปตามป่าเขา ถ้าและภูผา จนกระทั่งได้รับทราบข่าวอาการป่วยของมารดา ในขณะที่หลวงปู่มีอายุ 32 ปี พรรษา 12 จึงลาสิกขามาดูแลบุพการีจนวาระ
จนกระทั่งในเวลาต่อมาจึงเข้าอุปสมบทอีกครั้ง และได้ออกเดินธุดงค์ไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะตามป่าเขาในพื้นที่ภาคอีสาน ก่อนจะข้ามไปฝั่งลาว อยู่จำพรรษา พัฒนานาวัดบ้านบุ่งนานหลายปี สป.ลาว หลายปี หลังหลวงปู่สีทัตถ์ ผู้เป็นอาจารย์ละสังขาร จึงเดินทางกลับมาที่ฝั่งไทย จำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรี บ้านบะหว้า ต.รามราช อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งได้บำเพ็ญเพียรภาวนา ขนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของ ชาวบ้าน และสิษยานุศิษย์ ตลอดมา ที่สำคัญ ยังเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน ดำรงชีวิตอยู่อย่างเรียบง่าย สายตายังมองเห็นชัด หูได้ยินเป็นปกติ ที่ทำให้อายุยืน เหงือกและฟันยังอยู่ครบเต็มปาก ซึ่งหลวงปู่สอ ได้เผยถึงเคล็ดลับอายุยืนว่า ฉันภัตตาหารเนื้อปลา ยอดผักสด กล้วยน้ำหว้าวันละ 1 ลูก เป็นหลัก ควบคู่กับการเจริญภาวนา ให้จิตใจสงบ เชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้
<
นายชินพงษ์ กุลยะ อายุ 40 ปี ลูกศิษย์ที่ดูแลและใกล้ชิดหลวงปู่ กล่าวว่า ช่วง 2 -3 ปี ที่ผ่านมา หลวงปู่สอ เริ่มป่วย จากโรคชราภาพ รักษามาต่อเนื่อง จนกระทั่งได้ละสังขารลงอย่างสงบ ท่ามกลางความอาลัยของลูกศิษย์ โดยที่ผ่านมา หลวงปู่สอ ถือเป็นร่มโพธิ์ร่มไทร ของชาวบ้าน คนที่เคารพศรัทธา ที่คอยสั่งสอนลูกหลาน ให้ปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดี ช่วยกันทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา และช่วยกันพัฒนาบ้านเมือง ส่วนความเชื่อเรื่อง วัตถุมงคล หลวงปู่ได้อนุญาต ให้ สร้างวัตถุมงคล ในช่วงแค่ 2 ปี เท่านั้น คือ ปี 2559 -2560 เพื่อให้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมพัฒนาวัด พร้อม นำปัจจัยทำการก่อสร้าง เจย์ดีโพธิ์ศรี ในวัด ใกล้แล้วเสร็จสมบูรณ์เป็นอนุสรณ์ และเป็นที่สักการบูชา ยึดเหนี่ยว
ซึ่งที่ผ่านมายอม รับ หลายคนได้วัตถุมงคลหลวงปู่สอไปบูชา จะเกิดปาฏิหาริย์ เรื่อง เมตตามหานิยม ค้าขายร่ำรวยเป็นหลัก ส่วนเหรียญรุ่นแรก คือ เมตตามหานิยม มีจำนวนจำกัด ประมาณ 1,700 เหรียญ ส่วนเหรียญเนื้อทองคำ มีประมาณ 99 เหรียญ เหรียญเงิน แค่ประมาณ 1,000 กว่าเหรียญ ทุกวันนี้หายาก มีวงการพระให้มูลค่าราคาเช่าไว้ เกือบแสนบาท ซึ่งได้จัดสร้างมาหลายรุ่น และรุ่นสุดท้าย รุ่น แผ่บารมี สร้างแค่ไม่กี่ 100เหรียญ ทุกวันนี้หายาก อย่างไรก็ตาม หลวงปู่สอ ไม่ได้ สอนให้ยึดติดเรื่องวัตถุมงคล แต่เน้น เรื่อง การทำความดี แต่การนับถือเป็นความเชื่อบุคคล การสูญเสียครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเศร้ากับลูกศิษย์ เป็นอย่างมาก เพราะถือว่า เป็นพระเกจิองค์สุดท้าย ที่มีอายุยืนรูปหนึ่งในภาคอีสาน
ต่อมาชาวเน็ตถามหากันมากสำหรับ เลขทะเบียนรถที่เคลื่อนสรีรสังขารหลวงปู่สอ ขันติโก พระอริยสงฆ์ 6 แผ่นดิน เกจิชื่อดังเมืองนครพนม รถที่ใช้เคลื่อนสรีรสังขาร เป็นรถของทางโรงพยาบาล โดยเลขทะเบียนคือ นข 2243 นครพนม
เรียบเรียงโดย สยามนิวส์